เพศศึกษาคืออะไร
ไม่ว่าเราจะจัดการเรียนรู้เพศศึกษาหรือไม่ วัยรุ่นส่วนใหญ่ก็สนใจและพร้อมจะเรียนรู้เรื่องเพศจากเพื่อน สิ่งพิมพ์ วีซีดี
และอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว แต่เราไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าสิ่งที่วัยรุ่นเรียนรู้จากช่องทางเหล่านั้นเป็น
ข้อมูลหรือข้อเท็จจริงแบบใด ส่งผลต่อการรับรู้และทัศนะในเรื่องเพศของเยาวชนอย่างใร
การจัดการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาจึงเป็นโอกาศที่จะแก้ไขความเข้าในที่ผิด ให้ความรู้ที่ถูกต้องอย่างเพียงพอ
และครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้
1.พัฒนาการของมนุษย์
(Human Development) การเปลี่ยนแปลงทางสรีระเมื่อเข้าสู้วัยหนุ่มสาว
พัฒนาการทางเพศ การสืบพันธุ์ ภาพลักษณ์ต่อร่างกาย (body image) ตัวตนทางเพศและรสนิยมทางเพศ (Sexual identity and orientation)
2.สัมพันธภาพ
(Relationship) ในมิติของครอบครัว เพื่อน การคบเพื่อนต่างเพศ
ความรัก การใช้ชีวิตคู่ การแต่งงาน การเลี้ยงลูก3.ทักษะที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต
(Personal Skill) เพราะความรู้และข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับเพศนั้นไม่เพียงพอที่จะช่วยให้
เยาวชนสามารถรับมือกับเหตุการณ์และแรงกดดันต่างๆ ที่ประสบในชีวิตประสบในชีวิตจริง เพศศึกษาควรนำไปสู่การพัฒนาให้เยาวชนเกิดกระบวนการวิเคราะห์และทักษะที่จำ
เป็นในการดำเนินชีวิต ได้แต่·การใช้คุณค่ากับสิ่งต่างๆ
ซึ่งระบบการให้คุณค่านี้เป็นตัวชี้นำพฤติกรรม เป้าหมาย และการดำเนินชีวิตของเรา
·การสื่อสาร
การรับฟัง การแลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดที่สอดคล้องหรือแตกต่างกัน
·การตัดสินใจ
การต่อรอง การทำความตกเพื่อบรรลุความตั้งใจหรือทางเลือกที่ตนสามารถรับผิดชอได้
·การรักษาและยืนยันในความเป็นตัวของตัวเอง
สามารถแสดงความรู้สึก ความต้องการของตนเองโดย เคารพในสิทธิของผู้อื่น
·การจัดการกับแรงกดดันจากเพื่อน
สิ่งแวดล้อม และอคติทางเพศ
·การแสวงหาคำแนะนำ
ความช่วยเหลือ การจำแนกแยกแยะข้อมูลที่ถูกต้องออกจากที่ไม่ถูกต้อง
4.(Sexual Behavior) ที่พัฒนาไปตามช่วงชีวิต การเรียนรู้อารมณ์เพศ
การจัดการอารมณ์เพศ การช่วยตัวเอง จินตนาการทางเพศ การแสดงออกทางเพศ
การละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ การตอบสนองทางเพศ การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
5.สุขภาพทางเพศ
(Sexual Health) เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์จากความสัมพันธ์ทางเพศ
เพศศึกษาควรให้ความรู้เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย วิธีการคุมกำเนิด
การทำแท้ง การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ การล่วงละเมิดทางเพศ
ความรุนแรงทางเพศ และอนามัยเจริญพันธุ์
6.สังคมและวัฒนธรรม
(Society and Culture) วิธีการเรียนรู้และการแสดงออกในเรื่องพศของบุคคลได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวด
ล้อมและบรรยากาศทางสังคมและวัฒนธรรม เพศศึกษาจึงควรเปิดโลกทรรศน์ให้เข้าใจบทบาททางเพศ
เรื่องเพศในบริบทของสังคม วัฒนธรรม กฏหมาย ศิลปะและสื่อต่างๆ
การ สอนเพศศึกษานับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการ
ให้การศึกษาทั่วไปแก่เด็ก ดังนั้น เพศศึกษาจึงให้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับวิชาการศึกษาทั่วไปเหมือนกัน
แต่สำหรับประโยชน์ของการสอนเพศศึกษาที่จะพึงได้รับเกี่ยวกับเรื่องเพศโดย เฉพาะนั้นมีอยู่หลายประการด้วยกัน
ประโยชน์ที่สำคัญ ๆ อาจกล่าวได้ดังนี้
1.เพศศึกษาจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เกิดทัศนคติที่ดีว่าอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย และการเจริญเติบโตในแต่ละช่วงของชีวิตนั้น
เป็นสิ่งที่น่าพึงปรารถนาและมีจุดมุ่งหมายอยู่ด้วยเสมอ กล่าวคือ ถ้าเด็ก ๆ ไม่ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อใด
ๆ ครอบงำอยู่ก่อนแล้ว เด็กก็สามารถจะพูดเกี่ยวกับเรื่องส่วนต่าง ๆ หรือหน้าที่การทำงานของอวัยวะใด
ๆ ของร่างกายออกมาได้อย่างอิสระ และปราศจากความกระดากอาย
2.เพศศึกษาจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้มีความเข้าใจเรื่องกระบวนการสืบพันธุ์ของมนุษย์อย่างชัดแจ้ง เช่น เด็กควรจะได้รับความรู้สึกที่ถูกต้องว่า สิ่งที่มีชีวิตย่อมถือกำเนิดมาจากสิ่งมีชีวิตด้วยกันเสมอ และการสืบพันธุ์ของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายย่อมมีลักษณะแตกต่างกันออกไป
3.เพศศึกษาจะช่วยเตรียมตัวเด็ก ๆ เพื่อให้สามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดมีขึ้นอย่างแน่นอนในระหว่างที่เขาเจริญเติบโตขึ้น เด็กผู้ชายทุกคนควรจะรู้เอาไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการหลั่งน้ำอสุจิ (Seminal emission) เกิดขึ้นกับตัวของเขาเอง และเด็กผู้หญิงทุกคนก็ควรจะได้รู้เรื่องการมีประจำเดือนหรือระดู (Menstruation) เอาไว้ล่วงหน้าเช่นเดียวกัน รวมทั้งความรู้เรื่องเพศอื่น ๆ เช่น การร่วมประเวณี การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร เด็ก ๆ ควรจะได้ศึกษาเรื่องที่กล่าวหาเหล่านี้ตามขอบเขตอย่างถูกต้องและเหมาะสม ด้วยวิธีการหรือวิถีทางที่มีเกียรติและสมศักดิ์ศรี
2.เพศศึกษาจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้มีความเข้าใจเรื่องกระบวนการสืบพันธุ์ของมนุษย์อย่างชัดแจ้ง เช่น เด็กควรจะได้รับความรู้สึกที่ถูกต้องว่า สิ่งที่มีชีวิตย่อมถือกำเนิดมาจากสิ่งมีชีวิตด้วยกันเสมอ และการสืบพันธุ์ของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายย่อมมีลักษณะแตกต่างกันออกไป
3.เพศศึกษาจะช่วยเตรียมตัวเด็ก ๆ เพื่อให้สามารถเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดมีขึ้นอย่างแน่นอนในระหว่างที่เขาเจริญเติบโตขึ้น เด็กผู้ชายทุกคนควรจะรู้เอาไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการหลั่งน้ำอสุจิ (Seminal emission) เกิดขึ้นกับตัวของเขาเอง และเด็กผู้หญิงทุกคนก็ควรจะได้รู้เรื่องการมีประจำเดือนหรือระดู (Menstruation) เอาไว้ล่วงหน้าเช่นเดียวกัน รวมทั้งความรู้เรื่องเพศอื่น ๆ เช่น การร่วมประเวณี การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร เด็ก ๆ ควรจะได้ศึกษาเรื่องที่กล่าวหาเหล่านี้ตามขอบเขตอย่างถูกต้องและเหมาะสม ด้วยวิธีการหรือวิถีทางที่มีเกียรติและสมศักดิ์ศรี
4.เพศศึกษาจะช่วยให้บุคคลวัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งหลายได้มองเห็นอย่าง
ชัดเจนว่า ความประพฤติทางเพศซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ได้นั้น จำเป็นจะต้องตั้งอยู่บนรากฐานของการกระทำ หรือการแสดงออกที่บริสุทธิ์ใจ โดยจะต้องคำนึงถึงจิตใจและสวัสดิภาพของผู้อื่นด้วยเสมอ
ชัดเจนว่า ความประพฤติทางเพศซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น ได้นั้น จำเป็นจะต้องตั้งอยู่บนรากฐานของการกระทำ หรือการแสดงออกที่บริสุทธิ์ใจ โดยจะต้องคำนึงถึงจิตใจและสวัสดิภาพของผู้อื่นด้วยเสมอ
5.เพศศึกษาจะช่วยให้เด็ก ๆ เกิดความภาคภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรี
แห่งเพศของตน รวมทั้งยังมีความชื่นชมยินดีต่อคุณสมบัติและสมรรถภาพของเพศตรงข้ามอีกด้วย
แห่งเพศของตน รวมทั้งยังมีความชื่นชมยินดีต่อคุณสมบัติและสมรรถภาพของเพศตรงข้ามอีกด้วย
6.เพศศึกษาจะช่วยปลูกฝังความรู้สึกที่ดีต่อเรื่องเพศ โดยให้เด็กได้เห็นว่าเรื่องเพศของมนุษย์นั้นเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิต
อย่างแท้จริง เรื่องเพศเป็นธรรมชาติที่ประเสริฐและสวยงามทั้งยังสามารถช่วยสร้างสรรค์
จรรโลงชีวิตและความเป็นสง่าราศีให้แก่บุคคลได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
ข้อมูลจาก :
คู่มือการจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษา สำหรับนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที่ 3
ที่มา http://www.sby.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น